21 มิถุนายน 2559

เจ้าหญิงคางุยะ หญิงสาวผู้มาจากดินแดนบนดวงจันทร์




คนนิจิวะมินะซะมะ ~~


สวัสดีค่า วันนี้มีนิทานสุดคลาสสิก
เป็นเรื่องเล่าที่มีตำนานเก่าแก่ที่สุดเรื่องหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียวค่า




◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆


" เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ The Tale of Princess Kaguya "


เรื่องเล่าที่ชาวญี่ปุ่นเล่าต่อกันมายาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับหญิงสาวผู้มาจากดินแดนบนดวงจันทร์ (月の都, Tsuki no Miyako) ที่ไม่ทราบที่มา แต่มีนามว่า คางุยะ-ฮิเมะ Kaguya Hime (竹取物語) เป็นเรื่องราวที่กล่าวกันมาว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่มาจากจันทรประเทศ และมีผมที่เงาวาวเหมือนทอง






เอาละค่า เกริ่นกันไปได้สักนิดแล้ว ทุกคนก็น่าจะรู้แล้วว่าวันนี้เราจะพูดถึงนิทานเรื่องอะไรกัน
นิทานเรื่องนี้มีชื่อว่า ตำนานเจ้าหญิงคางุยะ หรือ ตำนานคนตัดไผ่ นั่นเองค่า








◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆







นิทานเรื่องนี้มีอยู่ว่า . . .



     กาลครั้งหนึ่ง มีสองสามีภรรยาคู่หนึ่ง มีอาชีพตัดไม้ไผ่ ซึ่งในทุกๆ วัน ชายชราผู้เป็นสามีจะขึ้นไปตัดปล้องไม้ไผ่บนภูเขาแห่งหนึ่งอยู่เป็นประจำ ในวันหนึ่งชายชราได้ขึ้นไปตัดต้นไม้ไผ่ตามปกติเหมือนทุกวัน เพียงแต่ในวันนั้นได้เห็นแสงวาบๆ ที่ต้นไผ่อยู่ต้นหนึ่ง ชายชราจึงไปตัดไผ่ต้นนั้น และได้มีแสงสว่างจ้าเพิ่มมากขึ้น ทันทีที่ชายชราชะโงกหน้าเข้าไปดูปล้องไม้ไผ่ใกล้ๆ ก็เห็นว่ามีเด็กผู้หญิงนอนหลับอยู่ด้านในของปล้องไผ่ ซึ่งมีหน้าตาที่น่ารักน่าชัง ทำให้ชายชราเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่รอช้าที่จะนำตัวเด็กผู้หญิงน่ารักผู้นี้กลับบ้านของตน เหตุเพราะตนเองและภรรยาไม่มีบุตร จึงคิดที่จะรับเลี้ยงเด็กหญิงจากกระบอกไม้ไผ่ไว้ด้วยความรักและความเอาใจใส่ให้มาก





     หลังจากนั้นเมื่อชายชรากลับไปตัดต้นไผ่ตามปกติเหมือนทุกๆ วันที่ผ่านมา มักจะเจอทองทุกต้น จนทำให้ตนและภรรยาเกิดความร่ำรวมขึ้นในเวลาไม่ช้า ส่วนเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักได้เติมโตขึ้นมาเป็นสาวสวยและสง่างามมากในเวลาไม่กี่เดือน ชายชราและหญิงชราจึงเรียกเด็กผู้หญิงกระบอกไม้ไผ่ผู้นี้ว่า เจ้าหญิง เป็นเพราะว่าทั้งสองเชื่อว่านางฟ้านางสวรรค์ได้ส่งเจ้าหญิงมาให้ตน





   เมื่อเวลาผ่านไป ชายชรากลัวว่าความสวยของเจ้าหญิงจะนำภัยไม่ดีมาสู่ตัวของนางเอง ตนจึงไม่ค่อยอยากให้ลูกสาวของตนได้พบเจอผู้คน แต่เมื่อความสวยของเจ้าหญิงได้อยู่แผ่พ่ายไปสู่เหล่าขุนนางและเจ้าเมืองต่างๆ ทำให้ผู้ชายที่มียศถาบรรดาศักดิ์ อยากมาเห็นความโฉมงามของเจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ และเมื่อถึงวัยอันควร ชายชราได้ให้โหราศาสตร์มาตั้งชื่อให้กับเจ้าหญิง และเมื่อโหราศาสตร์ได้เลอโฉมของเจ้าหญิง จึงทำให้ได้ที่มาของเจ้าหญิงในนามว่า “คางุยะ” หรือ “เจ้าหญิงคางุยะ” ซึ่งแปลว่า “แสงสว่าง”  โดยหลังจากได้มีการตั้งชื่อให้เจ้าหญิง ก็ได้มีการเฉลิมฉลองชื่อใหม่นี้ 3 วัน 3 คืน และในงานก็มีชายหนุ่มมากหน้าหลายตาเข้ามาขอแต่งงานกับเจ้าหญิงคางุยะแต่ถูกปฏิเสธกลับไปทุกคน


     เมื่อความงามของเจ้าหญิงคางุยะถูกล่ำลือไปจนทั่วประเทศ ทำให้มีชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ทั้ง 5 องค์ที่มีความสนใจในตัวของเจ้าหญิงคางุยะมากจนเข้ามาหาถึงที่ตำหนักหรือบ้านของเจ้าหญิง ชายหนุ่ม 5 องค์มีนามดังนี้ องค์แรกมีนามว่า คุระโมะจิ, องค์ที่สองมีนามว่า อิริซึคุริ, องค์ที่สามมีนามว่า อัครราชทูตอาเบะ, องค์ที่สี่มีนามว่า ที่ปรึกษาสูงสุดโอโตะโมะ และองค์สุดท้ายองค์ที่ห้ามีนามว่า ที่ปรึกษาอิโซะโนะคะมิ


          คุระโมะจิ ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์คนแรกที่ให้คำมั่นกับเจ้าหญิงคางุยะว่า “หากได้เจ้าหญิงคางุยะมาเป็นชายา ความสุขของข้าจะเป็นดั่งได้พบกับกิ่งอัญมณีจากต้นไม้ รากเป็นเงิน ลำต้นเป็นเงิน และออกผลเป็นไข่มุก


          อิริซึคุริ ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์คนที่สองได้ให้คำมั่นสัญญาว่า “ถ้าหากข้าได้ท่านมาเป็นชายา จะกราบเทิดทูนทั้งวันทั้งคืน หน้าผากแตะพื้นเช่นดั่งการไหว้บาตรหินของพระพุทธเจ้าในอินเดีย


          อาเบะ ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์คนที่สามกับคำมั่นสัญญาที่ว่า “ข้าจะเปรียบท่านเป็นดั่งเหมือนผ้าคลุมจากขนของมุสิกเพลิง เมื่อใส่เข้าไปในกองเพลิง มลทินทั้งหลายจะถูกทำลายสิ้นสาก ไม่เผาผลาญผ้าคลุมแต่กลับจะทำให้เปร่งประกายยิ่งขึ้น


          โอโตะโมะ ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์คนที่สี่ได้กล่าวคำมั่นไว้ว่า “ข้าเปรียบท่านดั่งอัญมณีรัศมีฉายแสงประกายหิน 5 สีที่ส่องแสงจากคอมังกร


          และชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์คนที่สุดท้าย อิโซะโนะคะมิ ได้ให้คำมั่นไว้ว่า “ข้าจะเปรียบเจ้าหญิงคางุยะเหมือนเปลือกหอยเบี้ยที่นกนางแอ่นกกไว้ดั่งสมบัติและเป็นเครื่องรางที่ปลอดภัย



     แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปสามปี ไม่มีชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์องค์ใดที่จะสามารถทำให้เจ้าหญิงได้ดั่งคำมั่นสัญญาที่เคยเอ่ยไว้ได้ จนเมื่อจักรพรรดิมิคะโดะ (Mikado King) ได้ยินคำล่ำลือเกี่ยวกับความงามของเจ้าหญิงคางุยะ และได้เดินทางมาพบกับเธอ พระองค์ขออภิเษกสมรสในทันที แต่กลับถูกเจ้าหญิงคางุยะปฏิเสธ โดยเจ้าหญิงได้ให้เหตุผลที่ว่าเธอไม่ใช่คนของดินแดนแห่งนี้ จึงไม่สมควรแต่งงานกับพระองค์ แต่อยู่ๆ พระองค์ได้ใช้กำลังบังคับ จู่ๆเจ้าหญิงคางุยะก็หายตัวไปในทันทีต่อหน้าพระองค์ ทำให้ได้รับรู้ว่านางไม่ใช่บุคคลธรรมดาจึงยอมตัดใจจากนางโดยดี แต่เวลาผ่านไปสามปี เจ้าหญิงคางุยะกลับสวยวันสวยคืนขึ้นเรื่อยๆ





     ล่วงเลยจนฤดูใบไม้ผลิมาถึง เจ้าคางุยะกลับเริ่มมีความซึมเศร้ามองแต่ท้องฟ้ายามค่ำคืน เธอมักจะมองดวงจันทร์และร้องไห้ จนสองสามีภรรยาได้ถามว่าเธอเป็นอะไร เจ้าหญิงมองดวงจันทร์แล้วพูดว่า “เธอมาจากดินแดนบนดวงจันทร์ เธอถูกส่งมาใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์ และตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องกลับไปยังที่ๆ จากมาแล้ว เธอร้องไห้ออกมาเมื่อรู้ว่าจะต้องจากลาพ่อกับแม่ไป จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอทุกข์ใจ





     เมื่อชายชราผู้เป็นพ่อรู้เข้า จึงไปปรึกษากับองค์จักรพรรดิและเล่าเรื่องของเจ้าหญิงคางุยะให้ฟัง องค์จักรพรรดิจึงออกคำสั่งให้บรรดาองครักษ์ซุ่มเฝ้าเจ้าหญิงคางุยะตามจุดต่างๆ อย่างใกล้ชิด  และคืนวันเพ็ญได้มาถึง เจ้าหญิงคางุยะจะต้องกลับไปยังดินแดนบนดวงจันทร์ แต่แล้วท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ฉายแสงส่องสว่างมีขบวนเทวดาบนสวรรค์ลงมาจากดวงจันทร์ ลอยมาบนเมฆและล่อนลงสู่พื้นดิน องครักษ์ทั้งหมดหยุดนิ่งราวกับถูกสาป เจ้าหญิงได้มอบเสื้อคลุมอุชิคะเคะ (Ushikake) ให้กับสองสามีภรรยาที่เป็นดั่งบิดามารดาบนโลกมนุษย์ของเธอไว้เป็นที่ระลึก และได้มอบจดหมาย ยาอายุวัฒนะให้กับองค์จักรพรรดิ จากนั้นทูตสวรรค์ได้นำพาเธอขึ้นเกี๊ยว สวมเสื้อคลุมเพื่อทำให้ลืมเรื่องบนโลกมนุษย์ และพาตัวเธอลาจากไป ชายชราและหญิงชราผู้เป็นดั่งบิดามารดาของเจ้าหญิงมองตามด้วยแววตาที่ดวงใจสลายเมื่อได้เห็นเจ้าหญิงจากไป


     เหล่าองครักษ์ได้กลับมาเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กับองค์จักรพรรดิฟัง พระองค์ได้สอบถามเหล่าบรรดาขุนนางว่ามีภูเขาลูกไหนที่สูงเกือบถึงท้องฟ้ามากที่สุดบ้างรึไหม เมื่อได้ความว่าอยู่ที่จังหวัดซุรุกะ (Suruga no Kuni) [ตั้งอยู่ในจังหวัดชิซุโอะกะ (Shizuoka ken) ในปัจจุบัน] พระองค์จึงได้ออกคำสั่งให้องครักษ์นำเอายาอายุวัฒนะและจดหมายไปเผาทิ้งที่ภูเขาลูกนั้น เพี่อหวังว่าสาส์นฉบับนี้จะส่งไปถึงเจ้าหญิงคางุยะ พระองค์ยังตรัสอีกว่า “ข้าไม่ปรารถนาที่จะมีอายุยืนยาว หากไม่ได้พบหน้าเจ้าหญิงคางุยะ”


     ภูเขาลูกนั้นมีชื่อเรียกว่า Fuji Mountain มีความหมายว่า ไม่มีวันตาย อ่านออกเสียงเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า ふじ กล่าวกันว่า ควันที่เกิดขึ้นจากการเผายังคงปะทุอยู่จนถึงทุกวันนี้










# --------------------------------------------------------- #


เป็นยังไงกันบ้างคะ?
กับเรื่องราวที่น่าเศร้าแต่มีความประทับใจซ้อนอยู่
ถ้าใครที่อ่านบทความนี้แล้วชอบ หาซื้อวิดีโอมาดูได้นะคะ


แล้วกลับมาพบกันใหม่บทความหน้านะคะ 
โปรดติดตามข้อมูลใหม่ๆ ของประเทศญี่ปุ่นที่เราจะมาแนะนำให้อีกนะคะ


อ่อ ! มีกิจกรรมให้ร่วมสนุกลุ้นรับรางวัลแน่นอน !
แอดมาเลยค่ะ ตามนี้ ฟิ้วว ~ [ LINE@ : @yumebi ]



つづく


1 ความคิดเห็น:

  1. เพิ่ง​ได้ดูหนังอนิเมะไป จำได้ว่่าตอนเด็ก​ๆช่อง​ 7​ เอาเวอร์ชั่นคนมาฉาย​ ฉากที่ตรึงตราคือฉากสุดท้าย​ที่นางเอกลอยเหาะขึ้นสวรรค์​ไปบนท้องฟ้า​
    บทความ​ดีนะคะ​ แต่รบกวน​ตรวจสอบ​ก็ดีนะคะ​ มีพิมพ์​ผิด​หลายคำเลยค่ะ​ เติบโต​ ร่อนลง ขอบคุณ​ค่ะ​

    ตอบลบ