คนนิจิวะค่ะทุกคน ~
กลับมาเจอกันอีกครั้ง
กับอาหารที่เราจะนำมาแนะนำให้ทุกคนได้ไปลิ้มลองกันถ้าหากว่าคุณได้ไปญี่ปุ่น
◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆
สถานที่ร้านอาหารที่เราจะแนะนำให้กับทุกคนในวันนี้
อยู่ในเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นอย่างมหานครโตเกียวนั่นเองค่า
โตเกียวเนี่ย ถือว่าเป็นแหล่งสำหรับในการช็อปปิ้งเลยก็ว่าได้นะคะ ใครยังไม่ได้ไปต้องรีบไป
และอย่าลืมไปลองร้านอาหารเด็ดๆ
ที่เรากำลังจะเริ่มการแนะนำนี้นะคะ
อาหารหลักที่โตเกียวที่จะแนะนำในวันนี้
เป็นสุดยอดอาหารที่คนญี่ปุ่นชอบทาน
และเราก็คิดว่าคนไทยก็ต้องชอบทานมันมากๆ
เหมือนกันนะคะ
◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆
ราเมง คือสิ่งที่จะแนะนำในวันนี้นะคะ
แต่สิ่งที่เราจะการันตีให้ทุกคนได้ไปลองนั้น
คือ . . .
ความเผ็ดจัดจ้านที่ขึ้นชื่อมากที่สุดถึง 5 อันดับในโตเกียวค่ะ
เราไปเริ่มต้นกันที่ร้านแรกเลยดีกว่าค่ะ
เลทโก !
◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆
“ Karashibi Miso Ramen Demon Kikanbo ”
ร้านแรกที่เราจะทำการแนะนำให้กับทุกคนได้ไปลิ้มลองนะคะ
อยู่ในโตเกียวตามที่เราได้บอกไปก่อนหน้านี้เลย
แต่เพียงการเดินทางแค่คุณไปลงสถานีคันดะ (Kanda Station) และเดินต่ออีกเพียง 3 นาที คุณก็จะเห็นร้านตั้งเด่นสง่าเลยค่า
จุดเด่นของร้าน Karashibi คือกลิ่มหอมจากเครื่องเทศอย่างพริกไทยที่จะมายั่วยวนชวนให้น้ำลายไหลกันเลยนะคะ
และยังใส่เสริมเพิ่มเติมความเผ็ดอีกระดับด้วยพริกแดง
ให้มีสีแดงที่ดูแล้วจะสัมผัสได้ทันทีถึงความจัดจ้านของมันเลยละค่ะ สองอย่างของวัตถุดิบนี้ที่จะผสมผสานได้เข้ากันกับซุปมิโซะที่เข้มข้นอย่างลงตัวมากๆเลยค่ะ
ซึ่งจะทำให้มีรสชาติที่เผ็ดร้อนและเข้มข้นไปในเวลาเดียวกัน
และคุณก็ยังสามารถเพิ่มความเผ็ดได้ตามใจชอบอีกด้วยนะคะ
เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11:00 น. ถึง 21:30 น.
ราคาอยู่ที่ 900 เยน หรือประมาณ 270 บาทไทยค่ะ
ดูจากขนาดชามและเครื่องที่ได้แล้ว คือว่าคุ้มสมราคาจริงๆ เลยนะคะ ว่ามั้ยคะทุกคน?
ถ้าใครอยากไปลิ้มลองที่นั้น เช็คเมนูหรือรายละเอียดต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์นี้เลยนะคะ
◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆
“ Rishiri ”
ร้านที่สองที่จะแนะนำต่อมานั้น คนที่ชอบช็อปปิ้ง
คุณน่าจะรู้จักสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดีที่ชินจูกุนั่นเองค่า
เพียงแค่คุณนั่งรถไฟไปลงที่สถานีชินจูกุ (Shinjuku Station)
และเดินต่ออีกเพียง 10 นาที คุณก็จะเห็นหน้าร้านแบบนี้เลยค่า
จุดเด่นของร้าน Rishiri คือน้ำซุปในแบบฉบับโชยุน้ำข้น
ที่จะพยายามพริกเผ็ดมากกว่าปกติถึง 9 เท่าเลยค่ะ บอกได้เลยว่ามันต้องเผ็ดแบบถึงที่สุดของที่สุดเลยค่ะ
เผ็ดไม่พอ ยังมีความร้อนจากที่คุณรู้สึกเผ็ดอีกด้วยค่ะ
แต่ว่าร้านนี้ไม่ได้เด่นแค่เพียงราเมงเท่านั้นนะคะ
ยังมีข้าวผัดและเกี๊ยวซ่าที่คุณควรจะลองด้วยนะคะ
เพราะเป็นอาหารที่เด่นและน่าลองไม่แพ้ราเมงเลยล่ะค่ะ ใครที่กินแบบจุใจก็แนะนำร้านนี้เลยค่ะ
เปิดทำการตั้งแต่วันจันทร์ – วันเสาร์
ปิดเฉพาะวันอาทิตย์วันเดียวเท่านั้น และเวลาเปิดร้านคือ ช่วงเย็นของทุกวัน
ตั้งแต่เวลา 18:30 น. ถึง 05:00
น. เรียกได้ว่าเปิดกันในช่วงยามค่ำคืนของแท้เลยนะคะทุกคน ราคาจะตกอยู่ที่ชามละ
1,080 เยน หรือประมาณ 324 บาทไทยค่ะ
ถือว่าเป็นชามที่คุ้มค่ากับราคาอย่างดีงามเลยนะคะ จากขนาดชามและปริมาณวัตถุดิบ
สรุปได้ว่าคุ้มค่าจริงๆ ค่ะ
ถ้าใครอยากไปลิ้มลองที่นั่น
เช็คเมนูหรือรายละเอียดต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์นี้เลยนะคะ http://tabelog.com/tokyo/A1304/A130401/13000022/
◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆
“ Yaguratei ”
ร้านที่สามที่เราจะทำการแนะนำให้กับทุกคนได้ไปลิ้มลองกันต่อนะคะ
มีการเดินทางที่ง่ายดายเช่นเคย เพียงแค่คุณเดินทางโดยใช้บริการรถไฟสถานีฮัทสึได (Keio New Line Hatsudai Station) และเดินเท้าต่ออีกเพียง
7 นาที คุณก็จะเจอร้านนี้โดยทันทีค่า
จุดเด่นของร้าน Yaguratei
นั้นจะเป็นราเมงที่เผ็ดที่สุดในจักรวาลเลยนะคะ
ถ้าแปลจากชื่อของราเมงที่เขานำมาตั้ง ซึ่งคิดว่าคงจะเผ็ดจัดจ้านอย่างจริงจังแน่นอน
เขาได้ใช้ที่พริกที่ขึ้นชื่อว่าเผ็ดที่สุดอย่าง Hanabero ที่มีถิ่นกำเนิดในแถบภูมิภาคเมโสอเมริกา
ซึ่งอยู่บริเวณคาบสมุทรยูคาตันในทวีปอเมริกากลางที่ยื่นเข้าไปในอ่าวเม็กซิโก เป็นความเผ็ดจัดจ้านที่อยู่ในระดับ 100,000
– 400,000 Scoville ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับพริกขี้หนูของบ้านเรานั้น
มีความเผ็ดที่มากกว่าถึง 10 เท่า
และคุณลูกค้าก็ยังสามารถเลือกระดับความเผ็ดได้ตั้งแต่ 1 – 10 ใครที่คิดว่าแน่จริง ร้านนี้คุณต้องไปลองค่ะ
เปิดทำการตั้งแต่วันจันทร์ – วันเสาร์
ปิดเฉพาะวันอาทิตย์วันเดียวเท่านั้น และเวลาเปิดร้านจะมี 2 ช่วงเวลาทำการคือ
รอบแรกจะอยู่ในช่วงสายของวันตั้งแต่เวลา 11:00 น. – 14:00
น. และรอบที่สองในช่วงเย็นตั้งแต่ 18:30 น.
– 05:00 น. ถือว่าเป็นอีกร้านหนึ่งที่ให้คุณได้ไปท้าทายกับสุดยอดความเผ็ดได้ยาวนานทั้งคืนเลยละค่ะ
ราคาจะอยู่ที่ 1,100 เยน หรือประมาณ 330 บาทได้ค่ะ เทียบกับปริมาณที่คุณจะได้ลิ้มลองและรสชาติที่เผ็ดจ้านแล้ว
ถือว่าคุ้มค่าดีเยี่ยมนะคะ
ถ้าใครอยากไปลิ้มลองที่นั้น
สามารถเช็คเมนูหรือรายละเอียดต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์นี้เลยนะคะ
◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆
“ Tsukemen Takagi / Takadanobaba ”
ร้านที่สี่ถัดมานั้น
ยังน่าลิ้มลองและเดินทางสะดวกสบายเช่นเคย
เพียงแค่คุณนั่งรถไฟไปลงที่สถานีทะคะดะโนะบะบะ (Takadanobaba
Station) เดินต่ออีกเพียง 4 นาที
คุณก็จะร้านที่คุณอยากลิ้มลองค่า
จุดเด่นของร้าน Tsukemen คือ
เส้นราเมงที่ให้ความนุ่มคล้ายคลึงกับเส้นอุด้ง ที่จะสร้างรสชาติความแตกต่างของราเมงไปอีกในรูปแบบหนึ่ง
อีกทั้งยังเป็นราเมงที่ใช้ไส้พริกที่ช่วยเก็บความเผ็ดไว้นั้นมาทำเป็นน้ำซุปที่นำมาผสมผสานกับมิโซะ
ช่วยทำให้รสชาติมีความเผ็ดบ้าง และออกหวานๆ เค็มๆ ที่เข้ากันได้อย่างดีค่ะ
เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11:30 น. ถึง 00:00 น.
เรียกได้ว่าเปิดตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืนเลยก็ว่าได้ค่ะ ราคาจะอยู่ที่ 650
เยนถึง 930 เยนโดยประมาณ
ถ้าเทียบเป็นเงินไทยแล้วก็จะตกอยู่ที่ประมาณ 195 บาทถึง 279
บาทได้ค่ะ ถือว่าเป็นราคาที่ย่อมเยามากเลยทีเดียว
ถ้าใครอยากไปลิ้มลองที่นั้น เช็คเมนูหรือรายละเอียดต่างๆ
ได้ที่เว็บไซต์นี้เลยนะคะ
◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆
“ Karamen Shinkuu ”
ร้านที่สุดท้ายที่เราจะแนะนำให้ทุกคนได้ไปลิ้มลองกับความเผ็ดของราเมงที่สุดยอดมากๆ
ในโตเกียวนะคะ ร้านนี้เดินทางที่สะดวกสบาย และเดินเท้าต่อด้วยในระยะเวลาสั้นๆ
เพียง 2 นาทีเท่านั้น แค่นั่งรถไฟไปลงที่สถานีมะจิดะ (Machida
Station) เดินต่ออีกสักน้อย ก็ถึงที่หมายปลายทางของเราแล้วค่ะ
จุดเด่นของร้าน Karamen Shinkuu คือ น้ำซุปที่เข้มข้นจากกระดูกหมู ผสมกับเกลือที่จะให้รสชาติที่มีความธรรมชาติเข้ากันได้ดีอย่างลงตัว
และถ้าใครที่ชอบทานเผ็ด ต้องการจะเพิ่มความจัดจ้านให้กับรสชาติราเมงของตัวเอง
ทางร้านจะมีบริการพริกป่นต้นตำรับในแบบฉบับของทางร้านเองด้วยนะคะ
เพราะฉะนั้นขอรับรองความไม่เหมือนใครได้เลยว่าคุณต้องไม่เคยพบเห็นมาก่อนแน่นอนค่ะ
เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11:30 น. ถึง 22:30 น.
เที่ยงวันเกือบเที่ยงคืนนะคะ แบบนี้ ราคาก็คุ้มค่าไม่ต่างกัน ประมาณ 700 เยนถึง 750 เยน หรือตีเป็นเงินไทยเริ่มต้นที่ 210 บาทถึง 225 บาทค่ะ ถือว่าราคายังอยู่ในเกณฑ์ที่ย่อมเยาไม่แพงจนเกินไป
ถ้าใครอยากไปลิ้มลองที่นั้น
เช็คเมนูหรือรายละเอียดต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์นี้เลยนะคะ
# --------------------------------------------------------- #
เป็นยังไงกันบ้างคะ?
กับร้านราเมงที่มีรสชาติเผ็ดจัดจ้านที่สุดในโตเกียว
อย่าลืมไปลิ้มลองรสชาติที่เผ็ดร้อนกันได้นะคะ
แล้วกลับมาพบกันใหม่บทความหน้านะคะ
โปรดติดตามข้อมูลใหม่ๆ ของประเทศญี่ปุ่นที่เราจะมาแนะนำให้อีกนะคะ
อ่อ ! มีกิจกรรมให้ร่วมสนุกลุ้นรับรางวัลแน่นอน !
แอดมาเลยค่ะ ตามนี้ ฟิ้วว ~ [ LINE@ : @yumebi ]
- つづく -
( แหล่งที่มา : http://find-travel.jp/article/15039 )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น